หลักการอ่านใบเซอร์เพชร
ใบเซอร์เพชร (Diamond Report) เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงอัตลักษณ์และคุณภาพของเพชรแต่ละเม็ด ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อมูลค่าของเพชรเม็ดนั้นๆ เนื่องจาก ‘None of the diamonds are identical’ ‘ไม่มีเพชรเม็ดไหนที่จะเหมือนกันเป๊ะแบบแยกไม่ออก’ การตรวจสอบจากใบเซอร์จึงทำให้ทุกท่านมั่นใจได้ว่าเพชรที่อยู่ในครอบครอง หรือกำลังจะเป็นเจ้าของเป็นเพชรแท้ มีคุณภาพตรงตามที่ท่านต้องการ และมีราคาที่เหมาะสมตามจริง ตัวอย่างใบเซอร์เพชร (GIA Diamond Dossier) ตามด้านล่าง
จากตัวอย่างใบเซอร์ข้างต้น ท่านจะเห็นว่าในส่วนแรกมีการระบุถึงข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเพชรไม่ว่าจะเป็นวันที่ออกใบเซอร์ เลขใบเซอร์ รูปทรงและสไตล์การเจียระไน รวมถึงสัดส่วนของเพชร แต่สิ่งที่ อยากให้ท่านโฟกัสที่สุดอยู่ในส่วนที่สอง นั่นก็คือส่วนของผลการประเมิน (Grading Results) เพราะในส่วนนี้จะบ่งบอกถึงลักษณะและคุณภาพของเพชรว่าตรงตามความต้องการของท่านมากน้อยเพียงใด โดยดูจาก 4Cs - Carat Weight (น้ำหนักกะรัต), Color (สี หรือ น้ำ), Clarity (ความสะอาด) และ Cut (การเจียระไน)
Carat Weight (น้ำหนักกะรัต) คือน้ำหนักของเพชร มีหน่วยเป็นกะรัต (Carat / ct.) โดย 1 กะรัต มีค่าเท่ากับ 100 สตางค์ (Points/ pts.) หรือมีน้ำหนักเท่ากับ 0.2 กรัม
Color (สี หรือ น้ำ) บ่งบอกผ่านตัวอักษรภาษาอังกฤษ เริ่มต้นตั้งแต่ D – Z ทุกท่านสามารถนำ Color Gradeที่ได้ ไปเทียบกับ GIA Color Scale ในหน้าที่สองของใบเซอร์ได้ โดยเพชรไร้สี หรือพูดง่ายๆก็คือเพชรที่ไม่มีสีเหลืองเข้ามาเจือปนเลยได้แก่ D color หรือ เพชรน้ำ 100 รองลงมาเป็น E color หรือเพชรน้ำ 99 และ F color หรือเพชรน้ำ 98 ไล่ลงไปตามลำดับ *ยิ่งน้ำของเพชรลดลง ความเหลืองก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
Clarity (ความสะอาด) ตำหนิภายนอก (Blemishes) และตำหนิภายในเพชร (Inclusions) นอกจากจะเป็นเครื่องยืนยันว่าเพชรเหล่านั้นเป็นเพชรแท้จากธรรมชาติแล้ว ยังเป็นตัวกำหนดความสะอาดของเพชรอีกด้วย ในการให้เกรดความสะอาดของเพชร ตำหนิเพชรทั้งภายนอกและภายในจะถูกประเมินภายใต้กล้องกำลังขยาย 10 เท่า ทุกท่านสามารถนำ Clarity Grade ที่ได้ ไปเทียบกับ GIA Clarity Scale ในหน้าที่สองของใบเซอร์ โดยเพชรที่ไร้ตำหนิทั้งภายนอกและภายในจะได้รับเกรด Flawless > รองลงมาเป็นเพชรที่ไร้ตำหนิภายใน แต่มีตำหนิภายนอกบ้างเล็กน้อย Internally Flawless > เพชรที่มีตำหนิภายในที่เล็กมากๆ Very Very Slightly Included (VVS) ไล่ลำดับความเด่นชัดของตำหนิไปจนถึง Included (I) หรือเพชรที่มีตำหนิที่เห็นได้ชัดเจน แม้มองด้วยตาเปล่า เพชรที่ได้รับเกรดนี้มักจะมีปัญหาในเรื่องของความสวยงามและความแข็งแรง สำหรับความเด่นชัดของตำหนิภายในตั้งแต่เกรด VVS – I (ภายใต้กล้องกำลังขยาย 10 เท่า) มีเทคนิคการจำง่ายๆ ดังนี้
VVS Minute (ตำหนิภายในมีขนาดเล็กมากๆ ยากที่จะมองเห็น)
VS Minor (ตำหนิภายในมีขนาดเล็ก)
SI Noticeable (ตำหนิภายในมีขนาดที่มองเห็นได้ไม่ยาก)
I Obvious (ตำหนิภายในมีขนาดที่มองเห็นได้ชัดเจน)
Cut (การเจียระไน) นับเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงความสว่าง (Brightness), ไฟ (Fire) และความระยิบระยับ (Scintillation) ของเพชรออกมาให้ได้มากที่สุด โดยเพชรที่สวยจะต้องมีการเจียระไนในสัดส่วนที่เหมาะสม จาก GIA Cut Scale ในหน้าที่สองของใบเซอร์ Cut Grade ที่มีสัดส่วนเหมาะสมที่สุดคือ Excellent รองลงมาคือ Very Good > Good > Fair และ Poor ตามลำดับ
ส่วนที่สามของใบเซอร์ จะมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเพชร เช่น คุณภาพของการขัดเงา (Polish), ความสมมาตรของเพชร (Symmetry) ระดับของการเรืองแสงของเพชรภายใต้รังสี UV (Fluorescence) หรือประเภทของตำหนิ (Clarity Characteristics) สิ่งสำคัญในส่วนนี้อยู่ตรง Inscriptions หรือเลขใบเซอร์บนขอบเพชรครับ ถ้าหากมีการเลเซอร์เลขใบเซอร์ไว้ที่ขอบเพชร Ralph Diamond แนะนำให้ท่านตรวจสอบว่าเลขบนขอบเพชรตรงตามเลขบนใบเซอร์ (Report Number) เพื่อให้ท่านมั่นใจว่าเพชรที่กำลังดูอยู่นั้น เป็นเพชรเม็ดเดียวกับเพชรในใบเซอร์อย่างแน่นอน